ต้มยำกุ้ง เมนูโบราณที่มีใน โคโค่ เจ้าพระยา
Share : facebook line twitter messenger

ต้มยำกุ้ง เมนูโบราณที่มีใน โคโค่ เจ้าพระยา

บทความ ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา



ต้มยำกุ้ง เป็นเมนูอาหารที่มีมานานมาก ๆ เวลาคิดเมนูอะไรไม่ออกก็จะต้องนึกถึง ต้มยำกุ้ง และทางร้าน โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya ) ก็ไม่พลาดที่จะทำให้ลูกค้าได้มาลองชิมกัน

 

     ช้างกูอยู่ไหน ? วลีเด็ดจากภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง ต้มยำกุ้ง หรือจะเป็นอาหารคู่บุญของชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะนึกถึงอะไรก็ล้วนแล้วแต่แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้เป็นอย่างดีเลย แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องภาพยนตร์กันเพราะว่าเราจะมาพูดถึงเมนูอาหารสุดพิเศษอย่างเมนู “ ต้มยำกุ้ง ”

     ต้มยำกุ้ง ถือเป็นอาหารประจำชาติไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นอาหารที่คนไทยเลือกสั่งกินเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ว่าจะไปกินตามร้านอาหารที่ไหน เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็จะสั่ง ต้มยำกุ้ง น้ำข้น หรือน้ำใส มากินกันเป็นประจำ จุดเด่นของมันคือ รสชาติที่บ่งบอกความเป็นไทย คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ซึ่งเป็นสามรสชาติหลักของอาหารไทย ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ชื่นชอบกิน ต้มยำกุ้ง เพราะต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยพอได้ลองก็ติดใจเอากลับไปลองทำกินที่บ้าน จนร้านอาหารหรู ๆ ระดับโลกในต่างประเทศก็มีเมนูนี้ใส่อยู่ในรายการด้วย แต่เอาจริง ๆ คนไทยกลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดเมนู ต้มยำกุ้ง สุดอร่อยนี้กันแน่

     ประวัติศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความอร่อยของเมนู ต้มยำกุ้ง เป็นอะไรที่มีความลึกลับอย่างมาก เพราะแทบไม่มีหลักฐานบ่งบอกเลยว่าใครเป็นคนที่คิดทำขึ้นมา แต่มันเริ่มมีกล่าวถึงอย่างมากในช่วงปี พ.ศ.2470 โดยมีการนำเสนอชื่อเมนู ต้มยำกุ้ง ในหนังสือที่เขียนโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ท่านเป็นคนที่มีความรู้ในด้านการทำอาหารเป็นอย่างมากในสมัยนั้น เชี่ยวชาญในด้านการดัดแปลงอาหารสูตรต่าง ๆ ให้มีความแปลก และรสชาติที่หลากหลาย โดยได้รวมรวบเมนูพิเศษที่เคยถวายให้เชื้อพระวงศ์ในหนังสือชื่อ “ของเสวย” นั่นเอง

     ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารที่ได้รับการประยุกต์ ต่อยอดมาจาก ‘ต้มยำ’ ที่ถือกำเนิดขึ้นภายหลังจากที่ ประเทศไทย ได้เปิดรับ ‘ข้าวเจ้า’ จากอินเดีย ที่เข้ามาพร้อม ๆ กับการค้าทางทะเลอันดามัน และความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์-พุทธ จนส่งผลให้หน้าตาของ สำรับกับข้าวไทยเริ่มแปรเปลี่ยนไป มีอาหารประเภท ‘น้ำแกง’ เติมเต็มเข้ามาอย่างหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แกงน้ำข้นใส่กะทิตำรับอินเดีย หรือ แกงน้ำของจีน จนมาถึงอาหารชามโอชาอย่าง ต้มยำกุ้ง ที่เราเอาวิธีปรุงแบบพื้นเมือง มาปรับให้มีน้ำใสแบบจีน จนได้รสได้ชาติกลมกล่อมลงตัวในเวลาต่อมา

     ประเภทของต้มยำนั้น จะแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ‘ต้มยำน้ำใส’ ซึ่งถือเป็นต้นตำรับของต้มยำ เพราะสมัยก่อนอาหารไทยจะไม่มีการใส่นม หรือกะทิ มีการปรุงอย่างง่าย ๆ ไม่มีเครื่องปรุงยุ่งยากมากมายนัก ซึ่งต้มยำน้ำใสนี้ก็จะมีส่วนประกอบหลัก ๆ ได้แก่ เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกสด พริกแห้ง ถัดมาก็คือ ‘ต้มยำน้ำข้น’ ซึ่งพัฒนามาจาก ต้มยำน้ำใส อีกต่อหนึ่ง

     มีหลักฐานว่าในสมัยที่รัชกาลที่ ๖ เสด็จประพาสสามย่าน เพื่อไปเสวยเหลา ก็มีร้านของคนจีนร้านหนึ่งเปิดให้บริการ โดยมีการทำ ต้มยำกุ้ง ใส่นม ขึ้นในสมัยนั้นแล้ว ซึ่งแม้ว่าต้มยำจะใส่เนื้อสัตว์ หรือผัก สมุนไพรใด ๆ ลงไปก็ได้ แต่จากอดีตถึงปัจจุบัน เมนู ต้มยำกุ้ง ก็ดูจะได้รับความนิยมในรสชาติมากที่สุด โดยในชามอาจมีการใส่มันกุ้งลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นกุ้ง และใส่กะทิ หรือนมลงไปเพื่อให้เกิดรสชาติที่กลมกล่อม จนกลายมาเป็น ต้มยำกุ้ง น้ำข้น อันเป็นที่ติดปากถูกใจของมหาชนอย่างล้นหลาม

 

การทำ ต้มยำกุ้ง ในสมัยก่อน

     ในการทำ ต้มยำกุ้ง ที่ถวายเป็นเครื่องเสวยนั้น ไม่ได้แตกต่างจากสมัยนี้เท่าไรนัก เริ่มด้วยการเอาเปลือกกุ้ง  และหัวออก จากนั้นผ่าหลังกุ้ง และนำไปล้างให้สะอาด หัวกุ้งที่เอาลอกอกมาเตรียมไว้จะนำไปต้มในหม้อด้วย เพราะในหัวประกอบไปด้วยมันกุ้งทำให้น้ำต้มยำมีรสชาติเข้มข้น จากนั้นเมื่อน้ำได้ที่แล้วก็จะใส่กุ้งแล้วปรุงด้วยเครื่องสามอย่าง ได้แก่ น้ำมะนาว น้ำปลา และพริกขี้หนู ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญที่ช่วยให้ต้มยำมีรสชาติที่อร่อย และกลมกล่อม

     จะเห็นได้ว่าการทำในสมัยก่อนไม่ได้มีความยุ่งยากเลย แต่พอมาถึงชาวบ้านก็เริ่มมีการดัดแปลงสูตรให้เกิดความแปลกใหม่ ด้วยการผสมสมุนไพรต่าง ๆ อย่างเช่น ข่า ตระไคร้ ใบมะกรูด เครื่องเหล่านี้ทำให้ต้มยำมีความหอมหวานชวนรับประทานเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้มันกลายเป็นเครื่องต้มยำที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน และมีขายตามท้องตลาดเป็นมัด ๆ นอกจากนี้ยังมีขายเป็นแบบซองสำเร็จรูปอีกด้วย ปกติมันก็ทำไม่ได้ยากอยู่แล้ว พอมีตัวช่วยอำนวยความสะดวกเยอะแยะทำให้เมนูนี้เกิดความแพร่หลายอย่างมาก

 

     ต้มยำกุ้ง เลยกลายเป็นอาหารจานหลักที่ชาวต่างชาติมาถึงเมืองไทยก็ต้องกินให้ได้ ทำให้ร้านอาหารหลายร้านอย่าง โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya ) คาเฟ่ริมแม่น้ำกับอาหารสุดแสนอร่อย ก็ได้นำ ต้มยำกุ้ง มาเป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหารที่ร้านเช่นกัน ซึ่งร้านเรามีทั้งเมนูคาว, หวาน ให้เลือกแบบจุใจ แม้กระทั่ง ต้มยำกุ้ง เราก็ไม่พลาด อย่าง ต้มยำกุ้ง มะพร้าวอ่อน ทางร้านได้คิดสูตรพิเศษขึ้นมาโดยการใส่มะพร้าวอ่อนให้น้ำต้มยำมีความหอมของมะพร้าว นอกจากการใช้กะทิ อีกทั้งยังมี ต้มยำปูนิ่มมะพร้าวอ่อน และยังมีเมนูอาหารหลากหลายสไตล์ ทั้ง ไทย, เทศ, อิตาลี ก็มาแบบจัดเต็ม พร้อมให้คุณสัมผัสแสนอร่อย ไปพร้อมบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ร้านตั้งอยู่แถวถนนพระสุเมรุ ติดกับ สวนสาธารณะสันติชัยปราการ หรือขับรถมาจอดแถวป้อมพระสุเมรุ เดินไม่กี่ก้าว รู้ตัวอีกที คุณก็ถึงร้านเราแล้วร้านเราเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 21.00 น. อยากพักผ่อน และอิ่มไปพร้อมกัน มาพบความสุขได้ที่นี่ คาเฟ่ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา กับอาหารสุดแสนอร่อย โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya )

 

     โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco Chaophraya ) เป็นร้านอาหารที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกเมนูต่าง ๆ ที่อยากกินได้มาก และมีราคาไม่แพง คุ้มค่า สบายกระเป๋า รสชาติอร่อย พร้อมกับ บรรยากาศริมน้ำชิล ๆ วิวแม่น้ำ เจ้าพระยา และสะพานพระราม 8 เห็นแบบนี้แล้วให้ โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco Chaophraya ) ดูแลมื้ออาหารสุดพิเศษให้กับคุณนะคะ

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

คลายล็อกดาวน์แล้ว มาทานอาหารที่ โคโค่ เจ้าพระยา

ไอศกรีม ซอร์เบท หอม หวาน ต้องยกให้ โคโค่ เจ้าพระยา

Created : 03-09-2021

บทความที่น่าสนใจ

นั่งเรือเทียบ ท่าพระอาทิตย์ พิชิต ร้านอาหารริมน้ำ

วาฟเฟิล ( Waffle ) ขนมที่ นิยม ไปทั่วโลก