เบนโตะ เซตเมนูอาหาร จาก โคโค่ เจ้าพระยา

เบนโตะ หรือ เซตเมนูอาหาร ที่เลื่องชื่อในญี่ปุ่น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ประเทศไทยก็ได้นำวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ามา ทำให้ เบนโตะ มีการดัดแปลงเป็นฉบับไทย และแน่นอนว่า โคโค่ เจ้าพระยา ก็ไม่พลาดที่จะทำ เบนโตะ

     เบนโต หรือที่คนไทยเรียกว่า "เบนโตะ" นั้น มีประวัติความเป็นมายาวนานมาก ย้อนกลับไปในคริสต์ศตวรรษที่ 5 สมัยคามาคุระ ( ปี ค.ศ.1185-1333 ) มีหลักฐานบันทึกในพงศาวดาร "นิฮงโชคิ" ( Nihonshoki ) ว่า เวลาที่ชาวญี่ปุ่นไปล่าเหยี่ยว ก็จะนำอาหารที่เรียกว่า Hoshi-ii ติดตัวไปเป็นเสบียง Hoshi-ii เป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นสมัยนั้นนิยมทำติดตัวไปกิน เพราะทำได้ง่าย แค่นำข้าวสารไปต้ม หรือนึ่งจนสุก แล้วปั้นเป็นก้อน นำไปตากแดดให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จ เมื่อจะกินก็เทน้ำ หรือน้ำร้อนใส่ลงไปให้นิ่ม หรือกินทั้งก้อนเลยก็ยังได้ ด้วยความสะดวกตามที่เล่ามา Hoshi-ii จึงเป็นเสบียงหลักที่ขาดไม่ได้ทั้งในยามศึก ล่าสัตว์ หรือเดินทางไกล

     สำหรับเบนโตะที่จัดใส่กล่องสวยงามเหมือนกับในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัย Azuchi-Momoyama ในสมัยนั้น พวกขุนนางผู้มีอำนาจสูงจะนำเบนโตที่เรียกว่า "ยุซันเบนโต" ( Yusanbentou ) ไปกินเวลาชมดอกไม้ ยุซันเบนโตมีลักษณะต่างจากเบนโตทั่วไปในปัจจุบัน เพราะในภาชนะบรรจุอุปกรณ์สำหรับนำไปกินที่เรียกว่า "อิเระโกะ" ( Ireko ) นั้น จะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ถาด กล่องซ้อนอาหาร ถ้วยชาม ใส่ลงไปด้วยอย่างครบครัน ถือได้ว่ายุซันเบนโตเป็นเบนโตแบบหรูหราสำหรับชนชั้นสูงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีการนำเบนโตไปกินในช่วงเวลาพักการแสดงละคร เช่น ละครโน คาบุกิ ในสมัยเอโดะเรียกเบนโตประเภทนี้ว่า "Maku no Uchi" ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยข้าวปั้น ไข่เจียว เต้าหู้ทอด ผักต้ม แบ่งเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะใส่ในกล่องเบนโต นอกจากนี้ในสมัยเอโดะยังมีหนังสือสอนการทำ และการจัดวางเบนโต รวมทั้งกล่องเบนโตแบบมีช่องแบ่ง และกล่องเบนโตแบบเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ออกขายเหมือนในสมัยนี้อีกด้วย

     ในสมัยเมจิ ( ปี ค.ศ.1868-1912 ) เริ่มมีการจำหน่ายเบนโตตามสถานีรถไฟเป็นครั้งแรก เบนโตประเภทนี้เรียกว่า "เอกิเบน" มีหลายที่ที่ว่ากันว่าเป็นแห่งแรกที่ขายเอกิเบน แต่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดเชื่อว่า เอกิเบน เกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 16 กรกฎาคม 1885 ที่สถานีรถไฟอุทซึโนะมิยะ จังหวัดโทจิกิ โดยมีข้าวปั้นสองก้อน และมีหัวไชเท้าดองเป็นเครื่องเคียง ห่อด้วยใบไผ่ ซึ่งเบนโตลักษณะนี้พัฒนามาจาก "โคชิเบนโต" ( Koshibento ) เบนโตสำหรับพกพาโดยเหน็บไว้ที่สะโพก หรือเอว ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถพกพาได้สะดวก ต่อมาในสมัยเดียวกันนี้ ตามโรงเรียนก็เลิกแจกอาหารกลางวัน นักเรียน และครูต่างก็พกเบนโตมาจากบ้าน รวมไปถึงพนักงานบริษัทด้วย เบนโตสไตล์ยุโรปที่บรรจุแซนวิชแทนข้าวก็เริ่มเป็นที่รู้จักในสมัยนี้เหมือนกัน

     ในสมัยไทโช ( ปี ค.ศ.1912-1926 ) กล่องเบนโตที่ทำจากอะลูมิเนียมกลายเป็นสินค้าราคาแพง เพราะทำความสะอาดง่าย และสวยงาม ต่อมาในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงยุคปี 80 เบนโตได้รับความนิยมสุด ๆ หาทานได้ง่ายมาก เพราะตามร้านสะดวกซื้อเริ่มมีการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารได้ สามารถอุ่นเบนโตทานร้อน ๆ ได้เดี๋ยวนั้นเลย ทำให้มีการใช้วัสดุราคาถูกในการผลิตกล่องเบนโตที่ทนความร้อนได้ ด้วยความสะดวก และรวดเร็ว ทำให้เบนโตได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

อิ่มอร่อยไปกับ เบนโตะ เซตเมนูอาหาร จาก โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya )

     โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya ) คาเฟ่ริมแม่น้ำกับอาหารสุดแสนอร่อย ก็ได้นำ เบนโตะ มาเป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหารที่ร้านเช่นกัน ซึ่งทางร้านเรามีทั้งเมนูคาว, หวาน ให้เลือกแบบจุใจ แม้กระทั่ง เบนโตะ เราก็ไม่พลาด อย่าง ข้าวซี่โครงหมูบาร์บีคิว ข้าวสเต็กคอหมูย่าง ข้าวสเต็กปลาแซลมอน สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสไก่ และยังมีเมนูอาหารหลากหลายสไตล์ ทั้ง ไทย, เทศ, อิตาลี ก็มาแบบจัดเต็ม พร้อมให้คุณสัมผัสแสนอร่อย ไปพร้อมบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ร้านตั้งอยู่แถวถนนพระสุเมรุ ติดกับ สวนสาธารณะสันติชัยปราการ หรือขับรถมาจอดแถวป้อมพระสุเมรุ เดินไม่กี่ก้าว รู้ตัวอีกที คุณก็ถึงร้านเราแล้วร้านเราเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 21.00 น. อยากพักผ่อน และอิ่มไปพร้อมกัน มาพบความสุขได้ที่นี่ คาเฟ่ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา กับอาหารสุดแสนอร่อย โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco chaophraya )

     โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco Chaophraya ) เป็นร้านอาหารที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกเมนูต่าง ๆ ที่อยากกินได้มาก และมีราคาไม่แพง คุ้มค่า สบายกระเป๋า รสชาติอร่อย พร้อมกับ บรรยากาศริมน้ำชิล ๆ วิวแม่น้ำ เจ้าพระยา และสะพานพระราม 8 เห็นแบบนี้แล้วให้ โคโค่ เจ้าพระยา ( Coco Chaophraya ) ดูแลมื้ออาหารสุดพิเศษให้กับคุณนะคะ

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

คลายล็อกดาวน์แล้ว มาทานอาหารที่ โคโค่ เจ้าพระยา

ไอศกรีม ซอร์เบท หอม หวาน ต้องยกให้ โคโค่ เจ้าพระยา